แน่นอนว่าพอเข้าสู่วัย 50 ผู้หญิงเราอาจจะกังวลหลายๆ อย่างรวมถึงการแต่งตัวด้วยผ้าไทยสำหรับบางคนจึงเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะเกรงว่าจะทำให้ดูสูงวัย แต่ผู้หญิงวัย 52 อย่าง คุณหนิง โสมพรรณ พิมพ์อาภรณ์ กลับมองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผืนผ้าแต่อยู่ที่การรู้จักวิธีแต่งตัวให้สนุกมากกว่า เช่นเดียวกับการใช้ชีวิต หากคิดและมองทุกอย่างให้สนุก ตัวเลข 50 ก็ไม่ใช่อุปสรรค
เริ่มต้นรู้จักก็รักเลย
“จริงๆ ชอบผ้าไทยมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่ได้นุ่ง เพราะไม่รู้จะนุ่งยังไงเริ่มต้นไม่ถูก จนมาเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เห็นอาจารย์ภาคละครท่านนุ่งผ้าไทยมาสอนหนังสือกันแบบเก๋มาก เลยเปิดโลกทัศน์เราว่าผ้าไทยไม่จำเป็นต้องเรียบร้อยก็ได้ ตั้งแต่นั้นก็สนใจจริงจังและเริ่มหันมาใส่ผ้าไทยบ้างแต่ยังไม่บ่อยเท่าทุกวันนี้ ที่อาทิตย์หนึ่งอาจจะใส่ไปทำงาน 3-4 วัน แล้วก็ใส่วันหยุดบ้าง โดยเฉลี่ยอาทิตย์ละประมาณ 4-5 วัน บางผืนที่ชอบมากเราก็อาจจะใส่ซ้ำบ้าง” พนักงานบริษัทเอกชนผู้นุ่งผ้าซิ่นไปทำงานเล่าติดตลกถึงความหลงใหลในผ้าไทยของตัวเอง
“สำหรับวัย 50 อย่าคิดว่าตัวเองแก่ แต่ต้องคิดว่าทำยังไงให้อยู่แบบมีคุณภาพและสนุก หาสิ่งใหม่ๆ ทำบ้าง เพิ่มความตื่นเต้นให้ชีวิต เลือกทำสิ่งที่เรามีความสุข อยู่แบบสนุกๆ ยังใช้ชีวิตแบบเด็กๆ ยังเที่ยว ยังทำกิจกรรมที่อยากทำได้ แล้วตัวเลข 50 จะไม่ใช่ปัญหาเลย”
มิกซ์แอนด์แม็ตช์ แล้วจะสนุกกว่าที่คิด
คือเคล็ดลับหลักๆที่จะทำให้ทุกคนสนุกกับการแต่งตัวด้วยผ้าไทย ด้วยความยูนีคของผ้าทอมือจึงทำให้แต่ละผืนแต่ละลายแตกต่างกันไปแบบไม่มีซ้ำ เธอบอกว่าแค่เลือกให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวในแบบของตัวเอง แค่นี้ก็สนุกกับการสวมใส่ผ้าไทยแล้ว
“ต้องบอกว่าเราไม่ได้แต่งแบบไทยจ๋า แต่ให้คิดเสียว่าผ้านุ่งหรือผ้าซิ่นเป็นกางเกงหรือกระโปรงแบบหนึ่ง ฉะนั้นเสื้อและแอคเซสเซอรี่อย่างอื่นก็จะเป็นแบบทั่วไปที่มีอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่เคยนุ่ง แนะนำเลยว่าให้เริ่มแบบนี้แล้วคุณจะกล้าใส่
ง่ายๆ คือเริ่มจากเลือกผ้าที่ชอบที่สุดก่อน ผ้าที่เห็นแล้วอยากใส่ ผ้าที่เป็นเรา โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อ ไม่ต้องเปลี่ยนกระเป๋า คงสไตล์ของตัวเองเอาไว้ ให้มีแค่สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป นั่นก็คือผ้านุ่ง เชื่อเถอะว่าผ้าไทยแม็ตช์ได้ อาจจะเริ่มง่ายๆ ด้วยเสื้อสีขาว สีดำ หรือสีพื้นๆ ก่อน แล้วเลือกวันเปิดตัวให้ดี เพราะบางคนอาจไม่เหมาะที่จะใส่ไปที่ทำงาน ลองใส่ไปดูหนัง ใส่ไปกินข้าวกับเพื่อนในวันหยุดก่อนก็ได้ แน่นอนว่าพอออกจากบ้านทุกคนจะต้องมองเป็นธรรมดา เพราะเขาไม่เคยเห็นเราใส่ผ้าไทย แต่เราจะไม่รู้สึกเด๋อหรือประหม่าเพราะไม่ได้เปลี่ยนสไตล์ทั้งตัว แล้วพอเพื่อนชมว่าสวย เราก็จะกล้าใส่มากขึ้นในวันต่อๆ ไป”
“ความสุขในวัยนี้ของเราคือ มีความมั่นคงพอที่จะใช้ชีวิต มีเงินพอที่จะเที่ยว พอที่จะดูแลสุขภาพ ถือว่ามีอิสระในหลายๆ ด้านมากขึ้น แล้วก็ได้ทำในสิ่งที่ชอบ”
ความสนุกอีกอย่างในการใส่ผ้าทอผืนสวยคือเทคนิคการนุ่ง การผูก การมัด และการจับจีบให้ออกมาเก๋ได้หลากหลายแบบ
“วิธีนุ่งผ้าไทยมีเยอะมาก สามารถดูและทำตามยูทูบได้เลย ถ้าใส่แล้วไม่มั่นใจกลัวหลุดกลัวรุ่ยก็ใช้เข็มกลัดหรือเข็มขัดช่วย แล้วพอเราเริ่มสนุกกับการใส่ผ้าไทยก็จะเริ่มสนุกกับการดีไซน์ว่าจะมัดจะนุ่งแบบไหนดี ส่วนตัวเวลาเลือกผ้าแต่ละครั้งจะดูว่าเนื้อผ้าหรือลายผ้าแบบนี้ควรนุ่งแบบไหน บางผืนทิ้งตัวดีก็จับเป็นพวง หรืออาจจะจับผูกบ้าง ใส่เป็นโจงบ้าง นุ่งเหน็บบ้าง พอเรานุ่งบ่อยๆ ก็จะรู้วิธีจับจีบ ทำให้มีริ้ว มีความสวยงามแปลกตาขึ้นมาเอง” เรียกว่าตัวผ้าก็สวยวิธีนุ่งก็เก๋ เป็นความสนุกในการแต่งตัวแบบไม่รู้จบจริงๆ
มากกว่าความชอบคือความรัก
ไม่เพียงแค่ซื้อมาสวมใส่แต่คุณหนิงยังเก็บสะสมผ้าไทยไว้อีกมาก ถึงขนาดที่พอถามเรื่องจำนวน เจ้าตัวถึงกับส่ายหน้าแทนคำตอบ เพราะไม่สามารถบอกได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามจำนวนจริง แต่ให้คะเนโดยประมาณน่าจะเกินหลักพันไปแล้ว โดยเฉพาะผ้าจากทางแถบอีสานใต้ รวมถึงผ้าทอมือของเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชาที่เธอชอบ
“ชอบผ้าของทางอีสานใต้เพราะมีลวดลายที่สวยและดูสนุก ส่วนผ้าของทางเหนือชอบที่ตัวผ้า ยิ่งพอเห็นเขาทำแล้วรู้สึกว่า โอ้โห กว่าจะได้ผืนหนึ่งไม่ง่ายเลย ต้องเลี้ยงไหม ต้มไหม สาวไหม เอามาย้อมสีธรรมชาติ เสร็จแล้วก็เอามามัดลาย ขึ้นบนกี่ นั่งคุมกระสวยทีละเส้น คือรู้สึกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากกว่าจะได้ออกมาเป็นผ้าหนึ่งผืน เป็นภูมิปัญญา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรต้องอนุรักษ์ไว้จริงๆ เห็นแล้วเลยอดใจไม่ซื้อไม่ได้ จนตอนนี้มีอยู่เยอะมาก ถ้ารวมผ้าหายากและผ้าโบราณที่ซื้อมาเก็บไว้ด้วยก็น่าจะเกินหลักพันไปแล้ว”
“ผ้าไทยมีแค่แบบละผืนเท่านั้น ก็เลยทำให้อยากได้ผืนใหม่เรื่อยๆ และอยากใส่แบบไม่ซ้ำ จนทุกวันนี้ต้องแยกห้องเก็บผ้าออกจากกัน คือผ้าที่ยังไม่เคยใส่จะเก็บไว้ห้องหนึ่ง ส่วนที่เคยใส่แล้วจะเอาไปเก็บอีกห้องหนึ่ง จะได้ไม่ซ้ำ (หัวเราะ)
เสน่ห์ของงานผ้าไทยที่ตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น คือภูมิปัญญาที่ใส่ลงไปในแต่ละผืน และความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แม้จะถักทอขึ้นในจังหวัดเดียวกันก็ยังไม่เหมือนกัน อยู่ที่ฝีมือในการสาวไหม การทอ การผูกขึ้นลาย ดังนั้นสำหรับเราเสน่ห์ของผ้าไทยจึงเป็นความงามที่ไม่เหมือนใครและเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านผืนผ้า บอกเลยว่าคนที่มองว่าผ้าไทยเชย นั่นเป็นเพราะเขายังไม่ได้พิจารณาผ้าไทยอย่างแท้จริง แต่ไปยึดติดกับผ้าไหม ผ้ายก หรือมองเห็นผ้าไทยเป็นแค่ชุดไทยจิตรลดา ซึ่งจริงๆ ผ้าไทยมีมุมสนุกกว่านั้นเยอะ ต้องลองมาใส่ดูแล้วจะรู้”
“สำหรับวัย 50 ต้องหาอะไรทำไปเรื่อยๆ อย่าคิดว่าตัวเองแก่ แต่ต้องคิดว่าทำยังไงให้แก่แบบมีคุณภาพและสนุก หาสิ่งใหม่ๆ ทำบ้าง เพิ่มความตื่นเต้นให้ชีวิต”
ขอบคุณ :สถานที่ Nandha Hotel สุขุมวิท 33